Free Skinhi5 Cursors from DressUpMyspace.com

มาทำความรู้จักกัน

โรงเรียนสายธรรมจันทร์ blog นี้เป็นผลงานที่พวกเราได้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนวิชา เทดโนโลยีและสารสนเทศ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 มีจุดประสงค์เพื่อต้องการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ได้รับมอบหมาย โดยได้รับมอบหมายงานจาก คุณครูสุจิตราภรณ์ สำเภาอินทร์ คุณครูที่ปรึกษาประจำวิชา

จำนวนผู้เข้าชม


ปฎิทิน


นาฬิกา



ผู้จัดทำ

ผู้จัดทำ

แผนที่การเดินทาง

แผนที่การเดินทาง

ศาลพ่อหลักเมืองราชบุรี

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองราชบุรี อยู่ในบริเวณบ้านพักทหารช่างราชบุรี ค่ายภาณุรังษี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 600 เมตร ฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองราชบุรีปัจจุบันลักษณะเด่น เป็นหลักเมืองเก่าที่สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองเดิมที่เคยตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกไปตั้งที่ริมแม่น้ำแม่กลองฝั่งตะวันออก เพื่อให้ปลอดภัยจากการรุกราน และป้งอกันข้าศึกได้โดยง่ายกิจกรรม เปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการะทุกวัน ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ กรมการทหารช่าง โทร. 0-3233-7388, 0-3233-7811
การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 600 เมตร ฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองราชบุรี และอยู่ตรงข้ามกับค่ายภาณุรังษี

ประมวลภาพศาลพ่อหลักเมือง

วัดหนองหอย

ข้อมูล
วัดหนองหอย เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2416 ตั้งอยู่ในเขต ต.เขาแร้ง อ.เมือง จ.ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กม. เป็นที่ตั้งของพระวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กวนอิม มีความสูง 16 เมตร หน้าตักกว้าง 9 เมตร ประชาชนทัวไปเรียกกันว่า "เขาเจ้าแม่กวนอิม วัดหนองหอย" ซึ่งตั้งบนยอดเขาแร้งและอีกด้านหนึ่งของยอดเขา (เขาพระใหญ่) ประดิษฐานพระพุทธรัตนโกสินทร์มหามุณี (หลวงพ่อใหญ่) เป็นวัดที่มีผู้ศรัทธานิยมมาไหว้พระกันมาก ในปัจจุบันนี้วัดหนองหอยเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เป็นที่ล่ำลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่ว่าจะขออะไรก็จะได้ดังใจ จะมีผู้คนมาสักการะบูชากันมิขาด โดยเฉพาะในวันเทศกาลหรือวันหยุดเปิดตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. งานประจำปี ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ขับมาประมาณ 23.3 กม. จะพบแยกซ้ายเข้าวัดหนองหอย ขับเข้ามาอีกประมาณ 0.5 กม. จะถึงวัดหนองหอย รถโดยสารประจำทาง สามารถนั่งรถประจำทางจากตลาดในตัวเมืองหน้าธนาคารออมสิน สายราชบุรี-หนองหอย มาลงที่หน้าวัด มีรถรับจ้างบริการขึ้นถึงบนยอดเขาแร้ง

ประมวลภาพวัดหนองหอย

อุทยานหินเขางู

ข้อมูลอุทยานหินเขางู แต่เดิมประชาชนในชุมชนประกอบอาชีพทางพาณิชยกรรม คือ การขอสัมปทานระเบิดหินย่อยหิน จึงทำให้เทือกเขางูเสื่อมโทรมลง ต่อมาทางสำนักงานจังหวัดร่วมกับสำนักงานสุขาภิบาลเขางูในสมัยนั้น ได้เร็งเห็นความสำคัญทางธรณีวิทยาและทางธรรมชาติ จึงได้ประสานงานของความร่วมมือกับหน่วยราชการทุกฝ่ายเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เทือกเขางูถูกทำลายไปมากกว่านี้ และได้มีการสั่งให้สำนักงานเทศบาล ต.เขางูเป็นผู้ดูแลรักษา และพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเงินพัฒนาจากจังหวัด และทางสำนักงานจังหวัดได้ประกาศให้เขางูเป็นอุทยานหินเขางูในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางโบราณคดีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ภายในอุทยานหินเขางูถ้ำจีน – จาม ในสมัยทาราวดี มีผู้ค้นพบว่าบริเวณเทือกเขางูมีอยู่ 3 ถ้ำ คือ ถ้ำฤาษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจีน – จาม ในสมัยทาราวดี เล่าขานกันว่าทั้ง 3 ถ้ำ เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในถ้ำมีประติมากรรมทางประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์มีพระพุทธรูปปรางค์ลีลาประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ และแกะสลักประติมากรรมฝาผนังเป็นการบูรณะ ปรับปรุงให้โดยให้ปั้นปูนทับองค์เดิมไว้ตราบจนถึงปัจจุบัน ถ้ำฝาโถ ห่างจากถ้ำฤาษีเขางูไปทางตะวันตกราว 250 เมตร มีภาพสลักบนผนังทิศใต้ ได้แก่ ภาพพระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ เหนือขึ้นไปเป็นภาพเทพชุมนุมและภาพปูนปั้นรูปต้นไม้ ด้านทิศเหนือเป็นภาพสลักพระสาวกสององค์ องค์ประกอบคล้ายที่ถ้ำจาม คือ เป็นภาพพระพุทธประวัติตอนปรินิพพาน มีงานนมัสการเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11พระพุทบาทจำลองทำด้วยศิลาแลงประดิษฐานอยู่ในวิหาร ตั้งอยู่บนยอดเขางูสูงประมาณ 128 เมตรลักษณะเป็นซากอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่ออิฐถือปูน ทางขึ้นจะพบกับปูนปั้นรูปงูขนาดใหญ่ สู่ขึ้นยอดเขางถ้ำฤาษีเขางู ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ในบริเวณสวนสาธารณะเขางู ตำบลเกาะพลับพลา ลักษณะเป็นถ้ำหรือศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา ภายในถ้ำพบพระพุทธรูปจำหลักติดผนังถ้ำ เป็นพระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท ปางแสดงธรรมเทศนา ตามแบบพุทธศิลป์สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11–13) รู้จักกันทั่วไปว่า พระพุทธฉายถ้ำฤาษีเขางู ลักษณะพระพักตร์แบน พระขนงเป็นเส้นนูนโค้งต่อกันเป็นรูปปีกกา พระเนตรโปน พระนาสิกแบน พระโอษฐ์หนา ขมวดพระเกศาใหญ่ มีรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูม ระหว่างข้อพระบาทมีจารึกอักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต อ่านว่า ปุญกรรมชระศรีสมาธิคุปตะ แปลว่า พระศรีสมาธิคุปตะเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยการทำบุญ นับเป็นร่องรอยศิลปะสมัยทวารวดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปหินทรายศิลปะสมัยอยุธยาอีกหลายองค์ สวนสาธารณะ จ.ราชบุรีเป็นสถานที่ออกกำลังของประชาชน และพักผ่อนหย่อนใจ ติดริมถนนเส้น 3089 บริเวณเขาจะมีภาพแกะสลักประติมากรรมพระพุทธปรางค์ลีลา ขนาดใหญ่อยู่ สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆบริเวณเทือกเขางูนี้ยังมีถ้ำระฆัง และเขาพระบาทซึ่งมีรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาและเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์เทือกเขางูการเดินทาง เส้นทางแรก ห่างจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (สายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร จะพบสี่แยก ให้เลี้ยวขวาแล้วขับมาประมาณ 1 กม. จะพบ อุทยานหินเขางู อยู่ด้านซ้ายมือ เส้นทางที่สอง มาจากทางหลวงหมายเลข 3089 (มาจากแยกบางแพเลี้ยวมาทาง อ.โพธาราม ขับทางวัดหนองหอย) ประมาณ 34 กม. จะพบอุทยานหินเขางู อยู่ด้านขวามือ

ประมวลภาพอุทยานหินเขางู

พระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร

วัดมหาธาตุวรวิหาร หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดหน้าพระธาตุ มีเนื้อที่ทั้งหมด 161 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง จ.ราชบุรี เป็นวัดสร้างมาแต่โบราณกาลคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดราชบุรี ไม่ปรากฏบันทึกประวัติเป็นหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด พบเพียงร่องรอยหลักฐานทางด้านศิลปกรรมที่องค์พระปรางค์ประธานของวัด อันสะท้อนให้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมสำคัญ ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียน ศาสนสถานแห่งนี้ให้เป็นโบราณสถานระดับชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 74 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 ชื่อทางราชการของวัด คือ วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2500 ศิลปะโบราณวัตถุสถาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จำนวน 7 รายการ ได้แก่1. พระปรางค์ 2. ระเบียงคต 3. พระวิหารนอกระเบียงคต 4. กำแพงแก้ว 5. พระมณฑป 6. เจดีย์รายหน้าพระมณฑป 7. พระอุโบสถ พระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นปรางค์เก่าแก่ที่สร้างด้วยอิฐฉาบปูน จำลองแบบมาจากนครวัต สันนิษฐานกันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจในแหลมสุวรรณภูมิ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 องค์ปรางค์มีความสูง 24 เมตร ปรางค์ประธานและปรางค์บริวารทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศเหนือตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ส่วนทางทิศตะวันออกมีมุขยื่นออกมา มีบันไดขึ้น ฐาน เรือนธาตุและส่วนยอดประดับด้วยลายปูนปั้น ภายในองค์ปรางค์ประธานมีคูหาเชื่อมถึงกัน ผนังส่วนบนเขียนภาพอดีตพระพุทธเจ้าในซุ้มเรือนแก้วเป็นแถวเรียงต่อกัน ตอนล่างเป็นพุทธประวัติ สันนิษฐานว่าเขียนพร้อมกับการสร้างองค์ปรางค์ และซ่อมแซมพร้อมกับองค์ปรางค์ในเวลาต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ 22 บริเวณฐานระเบียงมีทางเดินได้รอบลานพระปรางค์ มีเจดีย์ซุ้มทั้งสี่ด้าน ที่วิหารคตมีพระพุทธรูปศิลาแลงสมัยทวารวดี สมัยลพบุรี และสมัยอยุธยาประดิษฐานอยู่โดยรอบ ด้านหน้าพระปรางค์มีอาคารประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น สร้างในสมัยอยุธยา มีความยาว 127 คืบ 9 นิ้ว ส่วนกำแพงวัดสร้างด้วยศิลาแลง ทับหลัง กำแพงเป็นศิลาทรายแดง สลักภาพพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิ เรียงรายตลอดแนวกำแพง สันนิษฐานว่าเดิมน่าจะเป็นศาสนสถาน ของขอม เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลงพุทธศาสนาได้เผยแผ่มายังสุวรรณภูมิ สถานที่แห่งนี้จึงถูกดัดแปลงมาเป็นวัดในพุทธศาสนาสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และที่วัดนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโอ่ง ไห แบบต่างๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3232-1597, 0-3232-6669 การเดินทาง ห่างจากศาลากลางจังหวัดราชบุรี ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 1 กม. ห่างจากลำน้ำแม่กลอง 200 เมตร

ประมวลภาพพระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร

เมืองโบราณคูบัว

ที่ตั้งเมืองโบราณคูบัว เป็นชุมชนโบราณที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ พบหลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมทวารวดีเป็นจำนวนมาก ลักษณะแผนผังของเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน วางตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ขนาดความกว้าง ๘๐๐ เมตร ความยาว ๒,๐๐๐ เมตร บริเวณที่ตั้งเมืองเป็นเนินดินธรรมชาติอยู่บนลานตะพักชายฝั่งทะเล สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๑-๒ เมตรและสูงประมาณ ๕ เมตรจากระดับน้ำทะเล มีลำน้ำไหลผ่าน ๒ สาย คือ ห้วยคูบัวและห้วยชินสีห์ พื้นที่ทางด้านทิศเหนือของเมืองเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ทางด้านทิศตะวันตกเป็นเขตเนินเขาและภูเขาสูง ส่วนทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบลุ่มมี “แม่น้ำอ้อม” ไหลผ่าน ซึ่งแม่น้ำอ้อมเป็นทางน้ำสายเก่าของแม่น้ำแม่กลอง ตัวเมืองคูบัวตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำอ้อมประมาณ ๒.๗ กิโลเมตร และห่างจากแม่น้ำแม่กลองประมาณ ๙.๑ กิโลเมตร ส่วนพื้นที่ทางทิศใต้ของเมืองเป็นที่ราบลุ่มลาดลงสู่ทะเล โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลปัจจุบันในเขตจังหวัดสมุทรสงครามประมาณ ๒๕ กิโลเมตร โบราณสถานที่พบในเขตเมืองคูบัว คูเมืองกำแพงเมือง ในเมืองคูบัวพบว่ามีการก่อสร้างแนวคูเมืองกำแพงเมือง อันประกอบ ด้วยคูน้ำ ๑ ชั้นอยู่ระหว่างคันดิน ๒ ชั้น ขนาดของคูน้ำ มีความ กว้างโดยเฉลี่ยประมาณ ๕๐ เมตร คันดินกว้างประมาณ ๕๐ เมตร สูงประมาณ ๓ เมตร ยกเว้นคูเมืองทางด้านทิศเหนือ ที่ได้มีการดัดแปลงมาจากลำห้วยธรรมชาติ คือ ห้วยคูบัวศาสนสถานปัจจุบันพบร่องรอยหลักฐานของโบราณสถานมากกว่า ๖๐ แห่ง โบราณสถานที่พบส่วนใหญ่เป็นศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนาทั้งลัทธิเถรวาทและมหายาน มีการตกแต่งส่วนฐานโบราณสถานด้วยประติมากรรมดินเผาและปูนปั้นเป็นภาพเล่าเรื่องชาดกหรือศาสนนิทาน วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นอิฐขนาดใหญ่ ความกว้าง ๑๗-๑๘ เซนติเมตร ความยาว ๓๔–๓๕ เซนติเมตร และความหนา ๘–๑๐ เซนติเมตร ดินเหนียวที่ใช้เผามีส่วนผสมของแกลบข้าวซึ่งมีเมล็ดใหญ่ โบราณสถานส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐ พบเพียงสองแห่งที่มีการใช้ศิลาแลงเป็นฐานราก คือ โบราณสถานหมายเลข ๑๘ และโบราณสถานหมายเลข ๓๑โบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในเขตเมืองคูบัวประติมากรรมปูนปั้นและดินเผาที่ใช้ประดับอาคารโบราณสถาน เช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ เทวดาหรือบุคคลชั้นสูง บุคคลสามัญ อมนุษย์ จำพวกยักษ์ ครุฑ และสัตว์ต่างๆ เศษภาชนะดินเผา แวดินเผา ตะคัน ตะเกียงดินเผาที่ประทับลวดลาย ลูกกระสุน เบี้ยดินเผา นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเครื่องใช้เครื่องประดับและอาวุธต่างๆที่ทำจากหิน แก้ว โลหะ เช่น ตุ้มหู แหวน กำไล ลูกปัด หินบด เป็นต้น โบราณวัตถุเหล่านี้มีรูปแบบที่สืบเนื่องมาจากสมัยก่อนประวัติศาสตร์ แต่มีพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้นหลักฐานโบราณวัตถุและโบราณสถานที่พบในเขตเมืองคูบัวและบริเวณใกล้เคียง ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเมืองคูบัวเจริญอยู่ในวัฒนธรรมทวารวดีในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑–๑๖
การเดินทาง จากตัวเมืองราชบุรี ไปทางทิศใต้ ประมาณ 5 กม.

ประมวลภาพเมืองโบราณคูบัว

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นของ จ.ราชบุรี และเป็นสถานที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ จำนวน มาก สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เชื่อมต่อ จังหวัดเข้าด้วยกัน ได้แก่ จังหวัดราชบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม คลองดำเนินสะดวก เป็นนามพระราชทานโดยรัชกาลที่ 5 มีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรมีซอยน้อยแยกออกไปอีกประมาณ 200 คลองเป็นทางสัญจรทาง น้ำที่ผู้คนในเขตสามจังหวัดใช้มากที่สุดโดยแทบทุกบ้านจะมีเรือประจำบ้าน อย่างน้อย 1 ลำ เหมือนคนกรุงมีรถบ้านละ 1 คัน คลองดำเนินสะดวกหรือชื่อที่ เรียกว่า " ตลาดน้ำ " จะเป็นที่นัดของเรือร้อยๆลำเพื่อชุมนุมขายสินค้าการเกษตร และสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองตลอดจนร้านขายของที่รับจากโรงงานในกรุงเทพหรือจากต่างจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศแล้วคลองที่เต็มไปด้วยสินค้าทุกชนิดที่เขาตื่นตาตื่นราคาเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งทีเดียว ตลาดน้ำจะเริ่มคึกคัก ตั้งแต่ 6.00 น.ไปจนถึงประมาณ 11.00 น. นอกจากเขาจะได้ชมตลาดน้ำแล้วชีวิต สองฝั่งคลองของชาวไทยชนบท ยังเป็นภาพที่น่ามองอย่างมากสลับกับเรือกสวนและไร่นาของชาวบ้านส่วนใหญ่ของพื้นที่แถบนี้ต่างจากภาพที่เขาคุ้นตา ตามเมืองใหญ่ๆ ไปลิบลับ คลองดำเนินสะดวกขุดขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าการคมนาคมในท้องถิ่นไม่มีถนนหนทางเชื่อมกับอำเภออื่นๆ ส่วนมากใช้เรือเดินทางจึงให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้อำนวยการขุดเมื่อพ.ศ. 2409 โดยขุดคลองกว้าง 6 วา ลึก 6 ศอก ยาว 840 เส้น โดยแรงคนทั้งหมดใช้เงินทั้งสิ้น 1,400 ชั่ง หรือ 112,000 บาท( ค่าเงินในสมัยนั้น ) ที่เชื่อมแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลองเข้าไว้เริ่มตั้งแต่ประตูน้ำบางยาง แม่น้ำท่าจีน อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาครถึงประตูน้ำบางนกแขวก แม่น้ำแม่กลอง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ใช้เวลาขุดทั้งสิ้น 2 ปี ซึ่งใช้มือแรงงานคน ที่ใช้มือขุดล้วน ๆ ปัจจุบันนี้คลองได้ขยายไปกว้างกว่าเดิมเพราะตลิ่งพังกว้างถึง 24 เมตร บางแห่ง กว้างถึง 40 เมตรก็มี ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ อำเภอดำเนินสะดวกโทร.032-254976, 032-254980 การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ สี่แยกบางแพ จ.ราชบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 โดยจะผ่านแยกบ้านแพ้ว ผ่าน จ.นครปฐม ผ่านสะพานไปจังหวัดกาญจนบุรี และจะผ่านสหกรณ์โคนมหนองโพ จ.ราชบุรี จากนั้นจะถึงสี่แยกบางแพให้เลี้ยวแยกซ้ายมือไปอำเภอบางแพ และอำเภอดำเนินสะดวก จากนั้นวิ่งไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 325 ขับตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร (ข้ามสะพานข้ามคลองดำเนินสะดวก) จากนั้นเลี้ยวขวา แล้วขับตรงไป ประมาณ 1 กม. ก็จะถึง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เดินทางสะดวกตลอดเส้นทางครับ แผนที่ตั้งตลาดน้ำดำเนิน

ประมวลภาพตลาดน้ำดำเนินสะดวก

อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม

ข้อมูล ประวัติการก่อตั้งเริ่มก่อตั้งโครงการขึ้นในปี พ.ศ.2540 ด้วยเป้าหมายในอันที่รังสรรค์สถานที "พักใจ" แก่บุคคลทั่วไป พร้อมนำเสนอแง่มุมด้านศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ที่งดงามในสังคมพุทธของไทย เพื่อสืบทอดสิ่งดีงามแบบไทยให้คงอยู่สืบต่อถึงชุนรุ่นหลังอุทยานหุ่นขี้ผิ้งสยาม ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรเกษม ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ โดย่มีสถานที่สำคัญภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามดังนี้อาคารเชิดชูเกียรติจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผิ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์, ศ.มล.ปิ่น มาลากุล, ศ.ดร.ป๋วย ลิ้มภากรณ์, สืบ นาคะเสถียร,ครูมนตรี ตราโมทย,์ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ฯ, เหมา เจ๋อตุง และ เติ้ง เสี่ยว ผิง, โฮจิมิน, แม่ชีเทเรซ่า ภายในอาคาร มีคำบรรยายประวัติของบุคคลเหล่านี้ไว้ครบครันลานพระ 3 สมัย ผลงานปฏิมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัย เป็นศิลปะที่มีความแตกต่าง เพราะได้รับอิทธิพลจากศาสนา สังคมและวัฒนธรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงและบอกเรื่องราวประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัยได้ การสร้างองค์พระแต่ละรูป เกิดจากความศรัทธาของกลุ่มช่างปั้น ขนาดองค์พระ 6 ศอก 9 นิ้ว (125 นิ้ว) หล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ได้แก่ ประติมากรรมพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เชียงแสน อู่ทอง กุฏิพระสงฆ์ เป็นเรือนไทยที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นตามแบบแผน ประดิษฐานหุ่นขี้ผิ้งของพระภิกษุที่เป็นที่นับถือของผู้คนในแต่ละภูมิภาค อาทิ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สมเด็จพระพุทฒาจารย์โต พรหมรังสี หลวงปู่แหวน สุจินโณ พระครูบาศรีวิชัย หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม หลวงพ่อเงิน เป็นต้นบ้านไทย 4 ภาค สะท้อนถึงเรื่องราววัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละภาค มีพื้นฐานมาจากความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรม ถ้ำชาดก เป็นถ้ำจำลองจัดแสดงแสงสีเสียงเกี่ยวกับชาดกเรื่อง " พระเวสสันดร " ตอนชูชกขอสองกุมาร กัณหา-ชาลี เป็นเรื่องของการให้ทานอย่าางเงื่อนไขซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จำลองขึ้นจากประติมากรรมศิลปะราชวงศ์ซ้องประเทศจีน ลักษณะท่านั่งเรียกว่า ปางมหาราชสีลา สูง 3.5เมตร พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทรงเป็นอริยบุคคลที่ได้บรรลุอรหันต ์ผู้มีปณิธานแน่วแน่ว่าจะอยู่คอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ในโลกจนถึงคนสุดท้าย บรรยาการศภายในยังมีสถานที่อำนวยความสะดวก เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บรรยากาศภายในอุทยานฯนี้ ยังมีอากาศเย็นสบาย และมีน้ำตกขนาดย่อม ๆ ทำให้เป็นที่สะดุดตาของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเวลาทำการจำหน่ายบัตรวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 น. - 16.30 น.วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 08.30 น. - 17.00 น.วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 18.30 น. - 17.00 น.ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 032-381401, 032-381404 โทรสาร. 032-381403 E-mail : info@scppark.comWebsite : www.scppark.com การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี จนถึงสี่แยกบางแพ (ซึ่งจะเลี้ยว ไปตามถนนบางแพ-ดำเนินสะดวก) ห่างจากสี่แยกบางแพประมาณ อยู่ห่างจากสี่แยกบางแพ ประมาณ 600 เมตร จะอยู่ทางด้านขวามือ ให้หาทางกลับรถ (จะมีป้ายบอกอย่างเห็นได้ชัดเจน)

ประมวลภาพอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม

ถ้ำเขาบิน

ถ้ำเขาบิน อยู่ในอำเภอเมือง ถ้ำนี้อยู่ที่เทือกเขาบิน ซึ่งมีความสูง 200 เมตร ภายในถ้ำเขาบินมี หินงอกหินย้อย เป็นรูปคล้ายนกอินทรีย์กำลังกระพือปีกจึงได้ชื่อว่า ถ้ำเขาบิน
ข้อมูล
ถ้ำเขาบินตั้งอยู่ที่เทือกเขาบิน ซึ่งมีความสูง 200 เมตร ภายในถ้ำเขาบินมี หินงอกหินย้อย เป็นรูปคล้ายนกอินทรีย์กำลังกระพือปีกจึงได้ชื่อว่า ถ้ำเขาบิน ภายในถ้ำจะแบ่งเป็น 8 ห้อง แต่ละห้องสวยงามแตกต่างกันไป อากาศจะค่อนข้างร้อน บริเวณปากทางเข้าถ้ำเขาบินยังมีสวนป่าเขาบินให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้ศึกษาพรรณไม้ และชมธรรมชาติเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. อัตราค่าบริการ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ติดต่อที่พักถ้ำเขาบิน 086-7597251 การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมืองราชบุรี ให้เลี้ยวขวาทางแยกเจดีย์หัก เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ให้มาทางอ.จอมบึง หลักกม. ที่ 20 ท่านจะพบป้ายบอกว่าถ้ำเขาบินท่านสามารถเลี้ยวซ้ายไปได้เลย อีกประมาณ 800 เมตร ก็จะถึงบริเวณถ้ำเขาบิน แผนที่ตั้งถ้ำเขาบิน

ประมวลภาพถ้ำเขาบิน

ถ้ำจอมพล

ข้อมูลถ้ำจอมพล เดิมมีชื่อว่า ถ้ำมุจลินทร์ อยู่ในเขากลางเมือง ซึ่งมีความสูง 191 เมตร เมื่อปี พ.ศ. 2438 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ได้เสด็จประพาส และทรงโปรดปรานความงามของถ้ำนี้ จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่า ถ้ำจอมพล ภายในถ้ำมี หินงอกหินย้อย ที่มีความงดงาม และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดกลาง บริเวณหน้าถ้ำจอมพลเป็นสวนรุกขชาติ เหมาะแก่การพักผ่อน เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น.อยู่ใกล้กับ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงครับ และอากาศข้างในถ้ำจอมพลไม่ร้อนครับ เพราะบริเวณกลางถ้ำจอมพลมีปล่องจึงทำให้อากาศถ่ายเทได้ภายในถ้ำ บรรยากาศเย็นสบายครับ และบริเวณหน้าถ้ำจอมพล จะ ลิงเยอะมากครับเพราะจะมาหากินอาหารจากนักท่องเที่ยว แต่อย่าเอาอะไรไว้ที่รถโดยไม่เก็บให้ดีนะครับ ไม่งั้นหายแน่ สำหรบท่านที่เปิดประตูรถยนต์ทิ้งไว้หรือนำรถจักยานยนต์มาจอดไว้ ให้นำฝากร้านค้า หรือนำตุ๊กตาจระเข้ไว้ที่รถนะครับ ไม่งั้นรถท่านจะไม่มีเบาะนะครับ เพราะลิงจะมาแทะ กัด เบาะของท่าน หรือถ้าถือถุงอะไรก็แล้วแต่ลิงจะนึกว่าเป็นถุงขนม และลิงจะแอบมาขโมยระวังให้ดีนะ แนะนำถ้าลิงเข้ามาใกล้ ให้ทำนิ้วเป็นรูปคล้ายหนังสติ๊กแล้วทำท่ายิงมัน มันจะกลัวเราและจะไม่กล้าเข้าใกล้
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมืองราชบุรี ให้เลี้ยวขวาทางแยกเจดีย์หัก เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ให้มาทางอ.จอมบึง จะผ่าน ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ซึ่งถ้ำจอมพลห่างกับสนามฟุตบอล ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ไม่มากนัก ประมาณ 500 เมตร ถ้าเลี้ยวโค้งไปทางซ้าย จะไปทางอ.สวนผึ้ง แต่ไม่ต้องเลี้ยวขับตรงไปก็จะถึงหน้าถ้ำจอมพล สังเกตทางขวามือจะเป็นภูเขาติดถนเส้นทางหลัก และจะมีลิงบริเวณนั้น


ประมวลภาพถ้ำจอมพล

โป่งยุบ

ข้อมูล ในเนื้อที่ประมาณ 4-5 ไร่ ลักษณะคล้าย ละลุ ที่จังหวัดสระแก้ว เกิดจากการยุบตัวของดิน ทำให้เกิดเป็นลักษณะต่างๆ มีค่าธรรมเนียมสำหรับการผ่านเข้าไปชมนะครับ การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมืองราชบุรีนะครับ ขับเลยทางเข้าเมืองมาซักครู่ ท่านจะพบป้ายบอกทางอ.จอมบึงก่อนนะครับ ( ถนนหมายเลข 3087 ) จาก อ.จอมบึงท่านจะผ่านตัว อำเภอ และต่อจากนั้นจะผ่าน ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และผ่านถ้ำจอมพล ไม่ต้องเลี้ยวไปทางถ้ำจอมพลนะครับ ให้ขับตามเส้นทางหลัก เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.สวนผึ้ง จากนั้นให้ขับตรงไปประมาณ 30 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกข้างทางว่าทางไปโป่งยุบนะครับสังเกตให้ดี จากนั้นเลี้ยวซ้ายมือเข้า โป่งยุบ แล้วขับตรงไปประมาณ 3.65 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวา ขับตรงไปประมาณ 350 เมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางลูกรัง ขับตรงไปประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงลานจอดรถ เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปประมาณ 100 เมตร

ประมวลภาพโป่งยุบ

ธารน้ำร้อนบ่อคลึง

อยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ที่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ข้อมูลห่างจากตัวเมืองราชบุรี ประมาณ 74 กิโลเมตร ลักษณะเป็นลำธารเล็กๆ มีน้ำไหลซึมออกมาจากตาน้ำใต้ดินไม่ขาดสาย ซึ่งมีก้อนหินใหญ่เล็กเรียงรายตามร่องน้ำตลอดทางประมาณ 300 เมตร สองฝั่งลำธารแวดล้อมด้วยพืชพรรณไม้จากธรรมชาติ การไหลรินของน้ำมีตลอดทั้งปี แม้ในฤดูแล้งปริมาณน้ำไหลจะน้อยลงบ้างไม่ถึงกับแห้ง ที่จุดต้นน้ำซึ่งเป็นตาน้ำผุดออกมาจากใต้ดินนั้นเป็นจุดที่มีอุณหภูมิสูงสุด ความร้อนประมาณ 56 องศาเซลเซียส มีบริการอาบน้ำร้อนด้วยนะครับแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ไม่มากนัก น้ำร้อนบ่อคลึงนี้เป็น น้ำแร่ที่สะอาดปราศจากแร่ธาตุที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทั้งใช้อาบและดื่ม จากการตรวจวิเคราะห์ทางเคมี ชีวะ และฟิสิกส์ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กรุงเทพฯ และผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะกุล เป็นเพียงตาน้ำร้อนเล็ก ๆ และนายประยูร ได้ทำทางน้ำให้ไหลมาเป็นธารน้ำร้อนสวยงามอย่างที่ทุกท่านเห็นปัจจุบัน ดูแลรักษาที่นี่ โดยลูก หลาน คุณประยูร และเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล และต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาท่องเที่ยว
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมืองราชบุรี ให้เลี้ยวขวาทางแยกเจดีย์หัก เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ให้มาทางอ.จอมบึง จะผ่าน ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จากนั้นให้ขับตรงไปประมาณ 38 กม จะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกเก้าโจน ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายได้เลยครับ เพราะธารน้ำร้อนบ่อคลึงจะถึงก่อนน้ำตกเก้าโจนประมา ครึ่งกม. เข้าไปประมาณ 8 กม. ก็จะถึงบ่อน้ำร้อนบ่อคลึง (ทางลาดยางตลอดเส้น เดินทางได้สะดวก)

ประมวลภาพธารน้ำร้อนบ่อคลึง

น้ำตกเก้าชั้นหรือน้ำตกเก้าโจน

ข้อมูล
มีทั้งหมด 9 ชั้น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ จากที่จอดรถเดินเข้าไปเพียง 200 เมตร ก็จะได้พบความงามของน้ำตกชั้นที่ 1 แต่ถ้าอยากจะชมให้ครบทุกชั้นต้องใช้เวลาในการเดินประมาณ 3 ชม. น้ำตก ให้ใช้เส้นทางเดินเลียบน้ำตกนะครับตอนขึ้น ส่วนเส้นทางเลียบเขาเอาไว้ตอนลงครับ
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมืองราชบุรี ให้เลี้ยวขวาทางแยกเจดีย์หัก เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ให้มาทางอ.จอมบึง จะผ่าน ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และผ่านถ้ำจอมพล ไม่ต้องเลี้ยวไปทางถ้ำจอมพลนะครับ ให้ขับตามเส้นทางหลัก เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.สวนผึ้ง จากนั้นให้ขับตรงไปประมาณ 38 กม จะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกเก้าโจน ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทาง เข้าไปประมาณ 8 กม. ก็จะถึงน้ำตกเก้าโจน

ประมวลภาพน้ำตกเก้าชั้นหรือน้ำตกเก้าโจน

ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ หรือ แก่งส้มแมว

อยู่ในท้อง ที่ หมู่ 3 ต.ตะนาวศรี อยู่ห่างจาก สภ.อ.สวนผึ้ง ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 26 กม. กลางลำน้ำภาชี อยู่ในบริเวณสวนป่าสิริกิติ์
ข้อมูล ลักษณะมีแก่งหินมีน้ำไหลผ่าน มีป่าเบญจพรรณ ซึ่งมีลักษณะเป็นโขดหินใหญ่น้อยสลับซับซ้อนอยู่กลางแม่น้ำภาชี มีน้ำใสไหลเย็นผ่านโขดหิน เป็นสถานที่น่าพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว การติดต่อ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี สำนักงานป่าไม้จังหวัดราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี 70000 การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.ราชบุรี แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมืองราชบุรี ให้เลี้ยวขวาทางแยกเจดีย์หัก เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ให้มาทางอ.จอมบึง จะผ่าน ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และผ่านถ้ำจอมพล ไม่ต้องเลี้ยวไปทางถ้ำจอมพลนะครับ ให้ขับตามเส้นทางหลัก เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.สวนผึ้ง อยู่ห่างจาก สภ.อ.สวนผึ้ง ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 26 กม.

ประมวลภาพแก่งส้มแมว

ค้างคาวร้อยล้านวัดเขาช่องพราน

ข้อมูล เขาช่องพราน ลักษณะเป็นถ้ำที่เกิดจากหินปูน สูงจากพื้น 30 เมตร ปากถ้ำกว้าง 2 เมตร มีลักษณะคล้ายห้องโถงขนาดใหญ่ กว้าง ุ60 เมตร ยาว 100 เมตร ลึกประมาณ 60 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 77 ไร่ ลึกลงไปจนถึงใจกลางถ้ำ พบรอยพระพุทธบาท และที่วัดยังยังมี ถ้ำพระนอน ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปมากกว่า 100 องค์ ที่สำคัญคือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่มีความยาวถึง 9 เมตรเศษ สูง 1 เมตรเศษ นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นสู่บนยอดเขาช่องพราน เพื่อนมัสการพระบรมธาตุบวรวิสุทธิเจดีย์ และด้านบนยอดเขานี้นักท่องเที่ยว ยังสามารถชมทิวทัศน์อันกว้างไกลจาก และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนจุดชมวิวของยอดเขานี้ และจุดนี้ยังเป็นจุดชมค้างคาวที่ออกมาหากินจากปากถ้ำ อีกด้วย สถานที่แห่งนี้อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลเขาขวาง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วัดเขาช่องพรานมีปรากฎการณ์แห่งความมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นในบริเวณวัดเขาช่องพราน ที่มีผู้คนพบเห็นในทุก ๆ วัน เมื่ออาทิตย์ใกล้อัสดงบรรดาค้างคาวหนูจำนวนมหาศาลราวร้อยล้านตัว เคลื่อนตัวเป็นสายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นเวลากว่า 2 ชม. และจะกลับมายังบริเวณถ้ำแห่งนี้ก่อนอรุณรุ่ง เป็นภาพอันน่าประทับใจ ของปรากฎการณ์ มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เป็นอย่างยิ่ง ทางวัดเขาช่องพราน จึงได้ร่วมกันปรับปรุงสถานที่ให้สวยงาม และเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมค้างคาว ในตอนเย็นตั้งแต่เวลา 18.00 น. ที่วัดเขาช่องพรานนี้มีลานจอดรถกว้างขวาง และมีร้านอาหาร ไว้บริการผู้ที่เข้ามาชมด้วยครับ (ยังมีมูลค้างคาวที่เขานำมาจำหน่ายก็มีนะครับ ถ้าสนใจ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.(032) 354643
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ประมาณ 11.6 กม. จะพบวัดเขาช่องพราน ติดถนนทางด้านขวามือรถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทโพธารามทัวร์ จำกัด ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.30-19.30 น. อัตราค่าโดยสารคนละ 55 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-4355036

ประมวลภาพค้างคาวร้อยล้านวัดเขาช่องพราน

หนังใหญ่วัดขนอน

ข้อมูล หนังใหญ่ หนังใหญ่ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นการแสดงชั้นสุง เป็นการแสดงที่รวมศิลปะที่ทรงคุณค่าหลายแขนง ได้แก่ ด้านศิลปะการออกแบบลวดลายไทยเชิงจิตกรรมที่มีความวิจิตรบรรจง ผสมกับฝีมือช่างแกะสลักที่ประณีต เมื่อแสดงก็จะมีการนำศิลปะทางนาฏศิลป์การละคร ที่เคลื่อนไหวได้อารมณ์ตามเนื้อเรื่อง ประกอบกับบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้อง ดนตรีปี่พาทย์ ทำให้เกิดความเข้าใจในเเรื่องราว และให้อถรรถรสทางศิลปะแก่ผู้ชมได้อย่างสมบูรณ์ การแสดงหนังใหญ่จึงมีคุณค่าทางศิลปะสูง และแสดงถึงอัจฉริยภาพของบรรพบุรุษไทยได้เป็นอย่างดีประวัติความเป็นมาของหนังใหญ่มหรสพที่เก่าแก่ของไทยนี้ กล่าวกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่หลักฐานการแสดงหนังใหญ่เริ่มมี สมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) นับเป็นมหารสพที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์ปรากฏหลักฐานในการแสดงหนังใหญ่ ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1) ว่าทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา เพื่อใช้แสดงเพิ่มขึ้นจากเรื่องรามเกียรติ์ สมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ร.2) มีหลักฐานการสร้างตัวหนังใหญ่และบทวรรณคดีที่ใช้ในเรื่องรามเกียรติ์ ใช้แสดงหนังใหญ่ชุดพระนครไหว ซึ่งต่อมาได้มีการนำมาเก็บไว้ ณ โรงละครแห่งชาติหลังเก่า แต่ถูกไฟไหม้เกือบหมด สมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) พบการทำหนังใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ หนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ จ.สิงห์บุรี และหนังใหญ่วัดขนอน จ.ราชบุรีประวัติหนังใหญ่วัดขนอนหนังใหญ่วัดขนอน ได้มีการสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ผู้ริเริ่มในการแกะสลักตัวหนังคือ ท่านพระครูศรัทธาสุนทร (หลวงปู่กล่อม) เกิดปีวอก พ.ศ.2391 มรณภาพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2485 รวมอายุได้ 95 ปี ท่านมีความคิดที่จะสร้างหนังใหญ่ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จึงได้ชักชวนครูอั๋ง ช่างจาด ช่างจ๊ะ และช่างพ่วง มาร่วมกันสร้าง ชุดแรกที่สร้างคือ ชุดหนุมานถวายแหวน ต่อมาได้สร้างเพิ่มอีกรวม 9 ชุด ปัจจุบันมีตัวหนัง 313 ตัว นับเป็นสมบัติวัดที่ได้ร่วมรักษาสืบทอดกันมาเป็นเพียงวัดเดียวที่มีมหรสพเป็นของวัด มีตัวหนัง และคณะหนังใหญ่ที่สมบูรณ์อยุ่ในความอุปถัมป์ของวัดสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้การอนุรักษ์วัดขนอน มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการอนุรักษ์หนังใหญ่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทางวัได้ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ในการนำหนังใหญ่วัดขนอนนี้ไปแสดงเผยแพร่ยังที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง ในปีพ.ศ.2532 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปถัมภกมรดกไทย ทรงเห็นคุณค่าในการแสดงและศิลปะหนังใหญ่ ทรงมีพระราชดำริให้ทางวัดช่วยอนุรักษ์หนังใหญ่ทั้ง 313 ตัว และจัดทำหนังใหญ่ชุดใหม่ขึ้นแสดงแทน โดยมีมหาวิทยาลัยศิลปากรรับผิดชอบงานช่างจัดทำหนังใหญ่ทั้งหมด ได้นำหนังใหญ่ชุดใหม่ที่สร้างนี้ทูลเกล้าถวาย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2538 ณ โรงละครแห่งชาติ และทรงพระราชทานให้ทางวัดขนอนนำมาใช้ในการแสดงต่อไปปัจจุบัน ทางวัดได้จัดพิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ เปิดให้ประชาชนและผู้สนใจเข้าร่วมชมศึกษา พร้อมทั้งการสาธิตการแสดงหนังใหญ่ ตลอดจนการฝึกเยาวชนให้เรียนรู้และสืบทอดศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้ครบทุกกระบวนการ เพื่อสนองโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สืบต่อไป หนังใหญ่วัดขนอดได้รับรางวัลจากยูเนสโกคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมของยูเนสโกประกาศให้ "การสืบทอดและฟื้นฟูหนังใหญ่วัดขนอน" ได้รับรางวัลจาองค์กรการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) และได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรม โดยเมือวันที่ 8-11 มิถุนายน 2550 องค์กร ACCU (Asia - Pacific Cultural Centre for UNESCO) ได้จัดมอบเหรียญรางวัล เกียรติบัตรและการสัมนาและกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ระหว่างผู้แทนชุมชนต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัล และบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมและคณะกรรมการของยูเนสโก ณ โรงแรมโตเกียวไดอิชิ เมืองซึรุโอกะ จังหวัดยามากาตะ ประเทศญี่ปุ่นพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 17.30 น. เปิดให้ชมการแสดงหนังใหญ่ ณ โรงแสดงหนังใหญ่วัดขนอน ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. -11.00 น.งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน จัดในวันที่ 13.14 เมษายน ของทุกปีสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.032-233386 มือถือ 081-7531230 โทรสาร. 032-354272
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ขับเข้าไปอีกประมาณ 2.5 กม. จะพบวัดขนอน ติดถนนทางด้านขวามือรถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทโพธารามทัวร์ จำกัด ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.30-19.30 น. อัตราค่าโดยสารคนละ 55 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-4355036

ประมวลภาพหนังใหญ่วัดขนอน

วัดถ้ำน้ำ

ข้อมูล
วัดถ้ำน้ำ เป็นวัดแห่งหนึ่งของ ต.นางแก้วฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี บริเวณวัดมีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ภายในมีสถาที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ ถ้ำน้ำ ภายในถ้ำน้ำเป็นถ้ำที่มีน้ำอยู่ภายในถ้ำเกือบเต็มพื้นที่ทั้งหมด โดยน้ำที่เข้ามาภายในถ้ำเป็นน้ำที่ไหลมาจากลำคลองที่ติดกับวัดและไหลออกไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าปล่องน้ำ ในน้ำจะมีพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวนมากอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่ในหน้าน้ำจะมีประมาณน้ำที่สูงมาก ในหน้าแล้งน้ำจะลดลงไม่มาก และยังคงมีน้ำในถ้ำตลอด อากาศภายในถ้ำอากาศเย็นสบาย ปัจจุบันมีทางเดินที่ทางวัดสร้างขึ้นมาเป็นทางปูน สำหรับเดินชมหินงอกหินย้อนภายในถ้ำน้ำ และเข้ามานมัสการพระพุทธรูปภายในถ้ำน้ำ ภายหลังยังเป็นสถานที่ที่น่าสนใจของกองภาพยนต์ โดยได้มาถ่ายภาพยนต์ที่วัดถ้ำน้ำบ่อยครั้ง (ส่วนมากจะถ่ายฉากเป็นวังบาดาล) นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าชมได้ บริเวณภายน้ำถ้ำจะมืด จะมีไฟเปิดตลอดทางเข้าถ้ำ และจะมีพระภิกษุที่คอยดูแลถ้ำน้ำภายนอกถ้ำน้ำ จะมีลิงจำนวนมากอยู่บริเวณเขา นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวชมสามารถนำอาหารไปเลี้ยงลิงได้เวลาเปิดถ้ำน้ำ : 08.30 น. - 17.00 น.
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ประมาณ 11.6 กม. จะพบวัดเขาช่องพราน ขับเลยวัดเขาช่องพรานมาอีกประมาณ 3.3 กม. จะพบสี่แยกให้เลี้ยวขวาไปทางวัดถ้ำน้ำ ขับมาประมาณ 0.5 กม. จะพบป้ายบอกทางไปวัดถ้ำน้ำ ขับมาอีก ประมาณ 0.6 กม. จะถึงวัดถ้ำน้ำ รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทโพธารามทัวร์ จำกัด ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.30-19.30 น. อัตราค่าโดยสารคนละ 55 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-4355036

ประมวลภาพวัดถ้ำน้ำ

อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน

ข้อมูล อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เป็นส่วนหนึ่งของป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี อยู่ในเขตการปกครองของ ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อตำบลตะนาวศรี ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง และตำบลบ้านคา ตำบลบ้านบึง กิ่งอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ 240,246 ไร่ ยังคงมีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม ปัจจุบันอุทยานแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นป่าผืนเดียวกับ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงทำให้สัตว์ป่าย้ายถิ่นฐานไปมาเป็นประจำ เช่น ได้แก่ นกเงือกสีน้ำตาล นกกาฮัง นกแก๊ก นกเงือกกรามช้างปากเรียบ นกเงือกดำ เหยี่ยว นกเค้า นกปรอด นกกระปูด นกกางเขนน้ำ นกขมิ้น นกกระทาดง นกขุนทอง นกแซงแซว นกตะขาบ นกหัวขวาน นกเขียวก้านตอง นกแซวสวรรค์ ไก่ป่า นกยางเขียว และนกบั้งรอกใหญ่ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่พบเห็นได้แก่ เขียดหิน กบภูเขา คางคก ปาด และอึ่งอ่าง สัตว์เลื้อยคลานที่พบเห็น ได้แก่ ตะพาบ เต่า งู ตะกวด ตุ๊กแก กิ้งก่า จิ้งเหลน และแย้ ปลาที่พบเห็น ได้แก่ ปลาค้อ ปลาตะเพียนทราย ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาซิวหางแดง ปลาก้าง ปลาไส้ต้นตาแดง ปลาแป้นแก้ว ปลาซิวใบไผ่ ปลาพลวง ปลาตะเพียนน้ำตก ปลาซิวควายแถบดำ ปลาหนามหลัง และปลาอีด เป็นต้น สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน110 หมู่ 5 บ้านไทยประจัน ต.ยางหัก อ. ปากท่อ จ. ราชบุรี 70140 โทรศัพท์ 0 7165 3278
การเดินทาง จากกรุงเทพมหานครฯ เดินทางไปจังหวัดราชบุรีได้โดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษม หรือทางถนนธนบุรี-ปากท่อ และทางรถไฟจากสถานีหัวลำโพงถึงสถานีรถไฟราชบุรี ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร จากจังหวัดราชบุรีเดินทางโดยรถยนต์ไปตามถนนเพชรเกษม ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3206 ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านไทยประจัน ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน

ประมวลภาพอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทประจัน

อุทยานบ้านปลาและสวนผีเสื้อมนชิดา

ข้อมูล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดแสดงเกี่ยวกับพันธุ์ปลาทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย ภายในมีอาคารปลาหลายอาคารด้วยกัน อาคารแสดงพันธุ์ปลาสวยงาม อาคารปลาหางนกยูง อาคารปลาเทวดา อาคารปลาทอง อาคารแสดงพันธุ์ปลาหมอแคระ เป็นต้น และมีการจำลองน้ำตก บ่อปลาและตู้ปลาของพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสวนผีเสื้อมนชิดา ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับวงจรชีวิตของผีเสื้อในธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เช่น การกินน้ำหวาน การวางไข่ หรือ แม้กระทั่งการออกจากดักแด้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-18.30 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.)สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 032-21204 โทรสาร. 032-21204 การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับมาประมาณ 9 กม. จะพบสะพานลอยข้ามไปทาง จ.กาญจนบุรี ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ขับมาประมาณ 2 กม. จะผ่านสามแยกกระจับ จากนั้นขับต่อไปอีก 1.5 กม. (หรือ อีก 4 กม. จะถึง อ.บ้านโป่ง) จะพบแยกซ้ายมีป้ายบอกไปอุทยานปลาและสวนผีเสื้อมนชิดา ขับมาอีกประมาณ 1.4 กม. จะพบอุทยานปลาและสวนผีเสื้อมนชิดา (เส้นทางลาดยางตลอดทาง) รถโดยสารประจำทาง นั่งจากสายกรุงเทพฯ - อ.บ้านโป่ง - กาญจนบุรี จากสถานีขนส่งสายใต้ ระยะทางประมาณ 76 กม.

ประมวลภาพอุทยานบ้านปลาและสวนผีเสื้อมนชิดา

บึงกระจับ

ข้อมูล บึงกระจับ มีเนื้อที่ประมาณ 200 กว่าไร่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นบึงน้ำเก่าแก่ในพื้นที่ ต่อมาได้รับการพัฒนาตามโครงการตามแนวพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยชาวบ้านโป่ง หมู่ที่ 4 ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2543 บึงกระจับปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียง โดยเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และที่บึงนี้ยังเป็นสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำ ได้แก่ เจ็ทสกี พายเรือแคนนู บริเวณบึงฝั่งวัดบึงกระจับ มีร้านอาหารริมน้ำหลายร้าน ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับมาประมาณ 9 กม. จะพบสะพานลอยข้ามไปทาง จ.กาญจนบุรี ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 2 กม. จะพบสามแยกกระจับ (หรือ อีก 6 กม. จะถึง อ.บ้านโป่ง) ให้กลับรถมา ประมาณ 0.3 กม. จะพบทางเข้าวัดบึงกระจับ ให้เลี้ยวซ้ายมาได้เลย ขับมาประมาณ 2 กม. ก็จะถึงบึงกระจับ (เส้นทางลาดยางตลอดทาง)

ประมวลภาพบึงกระจับ

แนะนำตัว

ไม่มีบทความ
ไม่มีบทความ